วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2563

RESEARCH


สรุปวิจัย 

 ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่มีต่อ
ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย

มหาปริญญานิพนธ์ : สำรวย สุขชัย 

เสนอต่อบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยตุลาคม 2554 

อ้างอิง: thesis.swu.ac.th

ความสำคัญดังกล่าว 

          ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัยจึงเกิดความสนใจในการน้อมนำเอาหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยและเป็นพื้นฐานของการดำเนินวิถีชีวิตต่อไป

ความมุ่งหมายของการวิจัย 

1. เพื่อศึกษาระดับทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวมและจำแนกรายทักษะก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 

2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยรวมและจำแนกรายทักษะก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

3. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจำแนกรายทักษะวิทยา

ความสำคัญของการวิจัย

           ผลของการวิจัยในครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาปฐมวัย ได้แก่ พ่อแม่ผู้ปกครองและครูนำไปเป็นแนวทางในการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยและการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อปลูกฝังการใช้ทรัพยากรได้อย่างเพียงพอตามวิถีชีวิตและความเหมาะสมตามวัยโร่

ขอบเขตของการวิจัย

            การวิจัยครั้งนี้เป็นการจัดการเรียนรู้เพื่อมุ่งให้เด็กได้รับการฝึกฝนและพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็นโดยจัดการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนเรื่องร่างกายของฉันธรรมชาติให้สีสันผักและขยะที่สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของเด็กภายใต้กรอบแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วยความพอประมาณความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุ้มกันเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม

นิยามศัพท์เฉพาะ 

1. เด็กปฐมวัย หมายถึงเด็กปฐมวัยชาย-หญิงอายุระหว่าง 5-6 ปีที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนวัดยางสุทธารามแขวงบ้านช่างหล่อเขตบางกอกน้อยสังกัดสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร 

2. ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย หมายถึง พฤติกรรมที่เด็กแสดงออกถึงการเรียนรู้ที่ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าเพื่อค้นหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งทดสอบได้ตัวยแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วย 3 ทักษะคือ 

       2.1 ทักษะการจำแนกประเภทหมายถึงความสามารถในการจัดแบ่งสิ่งของออกเป็นรูปร่างสีรสโดยใช้เกณฑ์ความเหมือนและความต่างของวัตถุตามที่ตนเองหรือคนอื่นเป็นผู้กำหนด 

       2.2 ทักษะการสื่อความหมายหมายถึงความสามารถในการนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการค้นพบจากการปฏิบัติจริงด้วยการสังเกตสำรวจทตลองหรือจากแหล่งข้อมูลต่างๆโดยนำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยการบอกเล่าอธิบายหรือการบันทึก 

       2.3 ทักษะการลงความเห็นหมายถึงความสามารถในการสรุปผลข้อมูลที่ได้จากการค้นพบหรือได้จากประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการเรียนรู้หรืออธิบายได้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งนั้นอย่างมีเหตุมีผล

            ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยทั้ง 3 ทักษะ คือ ทักษะการจําแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็นสามารถนำมาทดสอบได้ด้วยแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 

3. การจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัดประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของเด็กภายใต้กรอบแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองและมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเช่นการสำรวจสังเกตทดลองสาธิตการเรียนรู้กับบุคคลอื่น ๆ ที่อยู่ในชุมชนการฝึกฝนการบันทึกการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กซึ่งมีขั้นตอนดังนี้คือ 

3.1 ขั้นนํา เป็นการเตรียมเด็กให้พร้อมก่อนเข้าสู่กิจกรรมโดยใช้คำคล้องจองเพลงการพูดคุยสนทนาให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่เรียนรู้ 

3.2 ขั้นสอน เป็นการดำเนินกิจกรรมเพื่อฝึกฝนทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 3 ทักษะตามที่วางแผนในสาระการเรียนรู้ 4 หน่วยโดยการจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติทั้งในและนอกสถานที่ด้วยการสังเกตทดลองสำรวจทัศนศึกษาการสนทนาซักถามและแสดงความคิดเห็นอภิปรายในเรื่องที่สนใจภายใต้การเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยกรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งประกอบด้วย

      3.2.1 ความพอประมาณหมายถึงการจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กรู้จักการปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นมีมารยาทในการพูดการแสดงออกตามความเหมาะสมของสถานการณ์และสามารถนำสิ่งของอุปกรณ์ที่มีภายในบ้านโรงเรียนรวมทั้งจากชุมชนนำกลับมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ร่วมกัน 

      3.2.2 ความมีเหตุผลหมายถึงการกระตุ้นให้เด็กฝึกฝนทักษะการคิดและนำมาอธิบายด้วยความเป็นเหตุและผลในสิ่งที่ค้นพบจากการลงมือปฏิบัติและการแสวงหาความรู้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเองและผู้อื่นมีความรอบคอบในการตัดสินใจเลือกนำมาปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม 

      3.2.3 การสร้างภูมิคุ้มกันหมายถึงการเตรียมวางแผนในการจัดกิจกรรมที่คำนึงถึงความพร้อมโดยไม่ประมาทและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงจากความเสี่ยงและการปฏิบัติตนที่เกี่ยวกับการป้องกันดูแลตนเองไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนหรือเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม 

      3.2.4 เงื่อนไขความรู้หมายถึงการฝึกฝนตนเองของครูในการแสวงหาความรู้เพื่อให้สามารถนำมาถ่ายทอดในการจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับเด็กตามความเหมาะสมของวัยด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ การสำรวจทดลองการบันทึกและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นเพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กได้ตามวัย 

      3.2.5 เงื่อนไขคุณธรรมหมายถึงพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการรู้จักช่วยเหลือถึงปันให้กับผู้อื่นมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองโดยไม่นำสิ่งของที่เป็นของผู้อื่นมาเป็นของตนรู้จักเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดีและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมีความอดทนและเพียรพยายามในการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายใต้กรอบแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำมาจัดกิจกรรมในชั้นการสอนจึงเป็นการหลอมรวมทั้ง 3 หลักการ 2 เงื่อนไขร่วมกับการดำเนินกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงทั้งในและนอกสถานที่ด้วยการสำรวจทดลองการตั้งประเด็นคำถามและนำมาพูดคุยสนทนาร่วมกันเพื่อฝึกฝนทักษะการจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็น 3.3 ขั้นสรุปเป็นการสนทนาร่วมกันระหว่างเด็กและครหลังจากที่ทำกิจกรรมจบลงโดยให้เด็กสรปเป็นแนวคิดในเรื่องที่เรียนรู้ด้วยตนเองหรือสรปเป็นกลุ่มร่วมกันทั้งนั้นและครูได้อธิบายข้อมูลเพิ่มเติม

คู่มือแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเด็กปฐมวัย

หลักการและเหตุผล

            การจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเด็กปฐมวัยเป็นการขับเคลื่อนการเรียนรู้ภายใต้กรอบแนวคิด 3 หลักการ 2 เงื่อนไขประกอบด้วยความพอประมาณความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุ้มกันการมีเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรมนำมาจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆที่หลากหลายส่งเสริมการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าและการลงมือทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยในการวิจัยนี้ได้นำมาส่งเสริม 3 ทักษะคือ การจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็นเพื่อนำมาหล่อหลอมให้เด็กมีคุณลักษณะพื้นฐานของการมีเหตุและผลมีความรับผิดชอบรู้จักการแสวงหาความรู้เพื่อนำมาปรับใช้ให้สัมพันธ์กับการดำรงชีวิตเช่นการนำสิ่งของและอุปกรณ์ภายในบ้านมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้รู้จักการช่วยเหลือตนเองและแบ่งปันสิ่งของให้กับผู้อื่นและปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ในการวิจัยครั้งนี้ได้กำหนดสาระการเรียนรู้ที่นำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ 4 หน่วยดังต่อไปนี้

        หน่วยที่ 1 ร่างกายของฉันประกอบด้วยเรื่องความสำคัญของอวัยวะหนูน้อยพิทักษ์ความสะอาดอาหารป่ารุงกายกายสดใสแข็งแรงเด็กดีวาจาไพเราะและเด็กดีทำได้

         หน่วยที่ 2 ธรรมชาติให้สีสันประกอบด้วยเรื่องสีในธรรมชาติพืชสมุนไพรสีของสมุนไพรน้ำสมุนไพรสมุนไพรในอาหารและพอเพียงผ่านก้อนดิน

         หน่วยที่ 3 ผักประกอบด้วยเรื่องผักนานาชนิดผักสวนครัวผักโครงการหลวงปลูกถั่วงอกผักแปรรูปและเก็บผักกันเถอะ

          หน่วยที่ 4 ขยะประกอบด้วยเรื่องที่มาของขยะประเภทของขยะโทษของขยะขยะแปลงกายผลิตภัณฑ์จากขยะและขยะสร้างค่า

        การจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ส่งผลต่อทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย 

       1. ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหมายถึงพฤติกรรมที่เด็กแสดงออกถึงการเรียนรู้ที่ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าเพื่อค้นหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งทดสอบได้ด้วยแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วย 3 ทักษะคือ

        1.1 ทักษะการจำแนกประเภทหมายถึงความสามารถในการจัดแบ่งสิ่งของออกเป็นหมวดหมู่ตามขนาดรูปร่างสีรสโดยใช้เกณฑ์ความเหมือนและความต่างของวัตถุตามที่ตนเองหรือคนอื่นเป็นผู้กำหนด

         1.2 ทักษะการสื่อความหมายหมายถึงความสามารถในการนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการค้นพบจากการปฏิบัติจริงด้วยการสังเกตสำรวจทดลองหรือจากแหล่งข้อมูลต่างๆโดยนำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยการบอกเล่าอธิบายหรือการบันทึก

          1.3 ทักษะการลงความเห็นหมายถึงความสามารถในการสรุปผลข้อมูลที่ได้จากการค้นพบหรือได้จากประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการเรียนรู้หรืออธิบายได้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งนั้นอย่างมีเหตุผล

         2. การจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเด็กปฐมวัยหมายถึงการจัดประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วยเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจของเด็กภายใต้กรอบแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองและมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายเช่นการสำรวจสังเกตทดลองสาธิตการเรียนรู้กับบุคคลอื่น ๆ ที่อยู่ในชุมชนการฝึกฝนการบันทึกการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กซึ่งมีขั้นตอนดังนี้คือ

        2.1 ขั้นนำเป็นการเตรียมเด็กให้พร้อมก่อนเข้าสู่กิจกรรมโดยใช้คำคล้องจองเพลงการพูดคุยสนทนาให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่เรียนรู้ 

        2.2 ขั้นสอน เป็นการดำเนินกิจกรรมเพื่อฝึกฝนทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 3 ทักษะตามที่วางแผนในสาระการเรียนรู้ 4 หน่วยโดยการจัดกิจกรรมให้เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติทั้งในและนอกสถานที่ด้วยการสังเกตทดลองสำรวจทัศนศึกษาการสนทนาชักถามและแสดงความคิดเห็นอภิปรายในเรื่องที่สนใจภายใต้การเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยกรอบ แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งประกอบด้วย          

         2.2.1 ความพอประมาณหมายถึงการจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กรู้จักการปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นมีมารยาทในการพูดการแสดงออกตามความเหมาะสมของสถานการณ์และสามารถนำสิ่งของอุปกรณ์ที่มีภายในบ้านโรงเรียนรวมทั้งจากชุมชนนำกลับมาใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ร่วมกัน

         2.2.2 ความมีเหตุผลหมายถึงการกระตุ้นให้เด็กฝึกฝนทักษะการคิดและนำมาอธิบายด้วยความเป็นเหตุและผลในสิ่งที่ค้นพบจากการลงมือปฏิบัติและการแสวงหาความรู้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเองและผู้อื่นมีความรอบคอบในการตัดสินใจเลือกนำมาปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม 

         2.2.3 การสร้างภูมิคุ้มกันหมายถึงการเตรียมวางแผนในการจัดกิจกรรมที่คำนึงถึงความพร้อมโดยไม่ประมาทและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงจากความเสี่ยงและการปฏิบัติตนที่เกี่ยวกับการป้องกันดูแลตนเองไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนหรือเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม

         2.2.4 เงื่อนไขความรู้หมายถึงการฝึกฝนตนเองของครูในการแสวงหาความรู้เพื่อให้สามารถนำมาถ่ายทอดในการจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับเด็กตามความเหมาะสมของวัยด้วยรูปแบบการจัดกิดเมื่อวาน ได้แก่ การบันทึกและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

         2.2.5 เงื่อนไขคุณธรรมหมายถึงพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการรู้จักช่วยเหลือและแบ่งปันให้กับผู้อื่นมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองโดยไม่นำสิ่งของที่เป็นของผู้อื่นมาเป็นของตนรู้จักเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดีและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมีความอดทนและเพียรพยายามในการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

          ภายใต้กรอบแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำมาจัดกิจกรรมในขั้นการสอนจึงเป็นการหลอมรวมทั้ง 3 หลักการ 2 เงื่อนไขร่วมกับการดำเนินกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริงทั้งในและนอกสถานที่ผ่านการสำรวจทดลองการตั้งประเด็นคำถามและนำมาพูดคุยสนทนาร่วมกันเพื่อฝึกฝนทักษะการจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็น 

         2.3 ขั้นสรุป เป็นการสนทนาร่วมกันระหว่างเด็กและครูหลังจากที่ทำกิจกรรมจบลงโดยให้เด็กสรุปเป็นแนวคิดในเรื่องที่เรียนรู้ด้วยตนเองหรือสรุปเป็นกลุ่มร่วมกันทั้งชั้นและครูได้อธิบายข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดประสบการณ์ให้กับเด็กได้เกิดความตระหนักถึงสาระการเรียนรู้ภายใต้กรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทั้ง 3 หลักการ 2 เงื่อนไขที่พัฒนาทักษะการจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายและทักษะการลงความเห็น 

หลักในการจัดกิจกรรม

          เป็นการวางแผนแนวทางในการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนี้

        1.กิจกรรมนี้จัดในช่วงเวลากิจกรรมเสริมประสบการณ์ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจัดสัปดาห์ละ 3 วัน ได้แก่ วันอังคารวันพุธและวันพฤหัสบดี 

        2. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของเด็กปฐมวัยโดยเน้นให้เด็กเป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่หลากหลายด้วยการสังเกตทดลองสำรวจทัศนศึกษาการสนทนาซักถามและแสดงความคิดเห็นการอภิปรายในเรื่องที่สนใจในระหว่างการจัดกิจกรรมครูเป็นผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือพร้อมทั้งกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจในกิจกรรมและดูแลความปลอดภัยของเด็กอย่างใกล้ชิด

         3. การปฏิบัติกิจกรรมดำเนินการตามลำดับดังนี้

         ขั้นนำ เตรียมเด็กให้พร้อมโดยการปฏิบัติกิจกรรม 3-5 นาทีเช่นการสนทนาจากภาพหรือกิจกรรมที่สอดคล้องกับสาระที่เรียน

         ขั้นสอน ครูดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้กรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมีวิธีการเรียนที่หลากหลายเพื่อฝึกฝนทักษะการคิดและการค้นหาคำตอบการแสดงออกตามความสามารถพร้อมกับการนำเสนอผลงานของตนเองและเป็นการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 3 ทักษะคือทักษะการจำแนกประเภททักษะการสื่อความหมายทักษะการลงความเห็น

          ขั้นสรุป เด็กและครูร่วมกันสรุปสาระในเรื่องที่เรียนด้วยกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ การตอบคำถามและการนำเสนอผลงานตามเนื้อหาที่เรียน

         บทบาทเด็ก

การปฏิบัติตนในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของเด็กมีดังต่อไปนี้ 

1. ปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับเพื่อนและครูด้วยการฝึกฝนทักษะการคิดและแสวงหาคำตอบด้วยวิธีการที่หลากหลายในขณะการจัดกิจกรรม

2. นำเสนอผลงาน 

3. ประเมินการเรียนรู้ร่วมกับครู 

        บทบาทครู

การจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผู้วิจัยดำเนินการปฏิบัติดังนี้ 

1. ศึกษาแผนการจัดประสบการณ์ให้เข้าใจอย่างชัดเจนก่อนลงมือปฏิบัติ 

2. จัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ประกอบกิจกรรมให้พร้อมกรณีจัดกิจกรรมนอกชั้นเรียนครูควรสำรวจและเตรียมสภาพแวดล้อมที่ให้พร้อม 

3. เริ่มกิจกรรมตรงเวลาและจบตรงเวลาที่กำหนดในแผนการสอนยกเว้นในกรณีที่เด็กยังมีความสนใจในกิจกรรมก็สามารถยืดหยุ่นเวลาได้ 

4. เตรียมความพร้อมของเด็กด้วยกิจกรรมที่ครูเลือกเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน 

5. ดำเนินกิจกรรมตามแผนการจัดประสบการณ์ขณะดำเนินกิจกรรมครูควรกระตุ้นให้เด็กคิดและลงมือกระทำกิจกรรมด้วยตนเองรวมถึงให้แรงเสริมและสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้อย่างเป็นกันเองหลีกเลี่ยงการกระทำและคำพูดที่ทำให้เด็กคับข้องใจหรืออับอายและตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล 

6. สนับสนุนและช่วยเหลือเพื่อให้เด็กค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเองและสร้างแรงจูงใจให้เกิดความสนใจในระหว่างดำเนินกิจกรรม

ตัวอย่าง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

The experiment

Air resistance experiment การทดลอง อากาศมีแรงต้าน อุปกรณ์ 1.แล็ปท็อป 3 เครื่อง 2.ฟิวเจอร์บอร์ด 3.ถุงแกง 4.ยาง วิธีทดลอง นำอากาศเข้าไปโดยการเ...